รีวิว 47 Meters Down ดิ่งลึกเฉียดนรก (2017)

47 Meters Down ดิ่งลึกเฉียดนรก (2017)

หนังประเทศ : สหราชอาณาจักร / สหรัฐอเมริกา

เรื่องย่อ

47 Meters Down เป็นภาพยนตร์แนวระทึกขวัญเอาชีวิตรอดใต้น้ำ ที่เล่าเรื่องของสองพี่น้อง “ลิซ่า” (Mandy Moore) และ “เคต” (Claire Holt) ที่ตัดสินใจไปเที่ยวพักร้อนที่ประเทศเม็กซิโก หลังจากลิซ่าพบว่าถูกแฟนหนุ่มบอกเลิก เธอต้องการทำอะไรบางอย่างที่ “ท้าทาย” เพื่อพิสูจน์ตัวเอง และน้องสาวจึงชวนไปดำน้ำชมฉลามขาวในกรงเหล็ก — กิจกรรมสุดตื่นเต้นที่ไม่คาดคิดว่าจะกลายเป็นฝันร้ายที่สุดในชีวิต

ทั้งคู่ลงไปในกรงเหล็กที่ถูกหย่อนจากเรือลงใต้ทะเลลึก แต่แล้วเหตุการณ์ไม่คาดฝันก็เกิดขึ้น เมื่อเชือกที่ยึดกรงขาด ทำให้กรงดิ่งลงสู่ก้นทะเลลึกถึง 47 เมตร! พวกเธอติดอยู่ในนั้น ท่ามกลางความมืด ความเงียบ ความกดดัน และฝูงฉลามขาวที่ล้อมอยู่รอบตัว พร้อมกับถังออกซิเจนที่ค่อยๆ ลดลงทุกวินาที การเอาชีวิตรอดจึงกลายเป็นเรื่องของ “เวลา” และ “สติ” ที่ต้องแข่งกันอย่างสิ้นหวัง

บทความรีวิว

47 Meters Down คือหนังแนว “survival horror” ที่ใช้สภาพแวดล้อมจำกัดเพียงพื้นที่เล็กๆ ใต้น้ำ แต่กลับสร้างความอึดอัดได้ถึงขีดสุด ผู้กำกับ Johannes Roberts ถ่ายทอดความกลัวของการติดอยู่ในที่ปิดและไร้ทางออกได้อย่างยอดเยี่ยม การถ่ายทำส่วนใหญ่เกิดขึ้นในถังน้ำขนาดยักษ์จำลองความลึกของทะเลจริง ทำให้ภาพและอารมณ์ออกมา “สมจริงจนน่าขนลุก”

สิ่งที่โดดเด่นของหนังคือ “บรรยากาศ” — เสียงลมหายใจผ่านหน้ากากดำน้ำ เสียงสื่อสารที่ขาดหายเป็นช่วงๆ และแสงไฟที่ค่อยๆ มืดลง ล้วนทำให้คนดูรู้สึกเหมือนกำลังติดอยู่ในกรงเหล็กด้วยตัวเอง หนังไม่ได้พึ่งฉลามมากนัก แต่ใช้ “ความกลัวจากจินตนาการ” เป็นอาวุธสำคัญในการสร้างแรงกดดัน

การแสดงของ Mandy Moore ถ่ายทอดอารมณ์ของหญิงสาวที่จากความกลัวกลายเป็นความสิ้นหวังได้ดีเยี่ยม เธอคือหัวใจของหนัง ขณะที่ Claire Holt ก็เสริมมิติความสัมพันธ์พี่น้องให้ดูอบอุ่นและสมจริง ทำให้หนังไม่ได้มีแค่ความน่ากลัว แต่ยังมีความผูกพันและอารมณ์ร่วมที่เข้าถึงได้ง่าย

สปอยล์เต็ม

หลังจากกรงดิ่งลงสู่ก้นทะเล ทั้งคู่พยายามสื่อสารกับเรือด้านบนผ่านวิทยุ แต่สัญญาณขาดหายและเสียงตอบกลับแทบไม่ได้ยิน พวกเธอได้รับคำเตือนว่าห้ามขึ้นผิวน้ำอย่างรวดเร็ว เพราะจะเกิดอาการ “ไนโตรเจนในเลือด” ซึ่งจะทำให้หลอนและเสียชีวิตได้ทันที

เมื่อออกซิเจนเริ่มเหลือน้อย เคตพยายามขึ้นไปหาถังอากาศใหม่ แต่ถูกฉลามจู่โจมจนได้รับบาดเจ็บสาหัส ลิซ่าต้องต่อสู้กับความกลัวและพยายามช่วยน้องสาวขึ้นมา หลังจากผ่านเหตุการณ์สุดโหด ทั้งคู่เหมือนจะหนีขึ้นมาบนผิวน้ำได้สำเร็จ แต่สุดท้ายหนังเผยว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียง “ภาพหลอนจากภาวะขาดอากาศ” — ความจริงแล้วเธอยังคงติดอยู่ในกรงเหล็กใต้น้ำ ขณะที่เจ้าหน้าที่กำลังเร่งช่วยเหลือ!

หนังจบลงด้วยความคลุมเครือ ว่าลิซ่าจะรอดหรือไม่ และเหตุการณ์ใต้น้ำที่เกิดขึ้นนั้นเป็นความจริงทั้งหมดหรือเป็นเพียงภาพหลอนก่อนเธอหมดสติ

บทวิเคราะห์

หนังสะท้อน “ความกลัวในจิตใจมนุษย์” ได้อย่างลึกซึ้ง มันไม่ได้พูดถึงฉลามเพียงอย่างเดียว แต่พูดถึง “ความโดดเดี่ยวในสถานการณ์ที่ไม่มีใครช่วยได้” และ “การต่อสู้กับสติของตนเอง” เสียงหายใจที่ดังในหน้ากากคือสัญลักษณ์ของชีวิตที่ค่อยๆ หมดไป เหมือนการนับเวลาถอยหลังสู่จุดจบ

47 เมตรในเรื่องคือระยะทางระหว่าง “ชีวิตกับความตาย” ซึ่งเปรียบได้กับช่วงบางช่วงของชีวิตคน ที่อยู่ระหว่างความหวังและความสิ้นหวัง หนังทำให้คนดูตั้งคำถามกับตัวเองว่า ถ้าอยู่ในสถานการณ์นั้น เราจะสู้ต่อหรือยอมแพ้?

เทคนิคการสร้างและงานภาพ

งานภาพของ Mark Silk ถ่ายทอดความสวยงามและน่าสะพรึงของท้องทะเลได้พร้อมกัน มุมกล้องที่หมุนรอบกรงดำน้ำสร้างอารมณ์เหมือนโดนขังอยู่จริง เสียงประกอบของ Tomandandy เพิ่มความระทึกได้อย่างยอดเยี่ยม โดยเฉพาะเสียงคลื่นและเสียงลมหายใจที่ถูกออกแบบให้กลายเป็นเครื่องมือสร้างความกลัว

เอฟเฟกต์ของฉลามและการถ่ายทำใต้น้ำมีคุณภาพสูงเมื่อเทียบกับทุนสร้างเพียงไม่กี่ล้านดอลลาร์ หนังจึงถือเป็นตัวอย่างของการใช้ “พื้นที่จำกัด” ได้อย่างชาญฉลาดที่สุดเรื่องหนึ่งในยุคหลัง

บทวิจารณ์

เมื่อออกฉาย 47 Meters Down ได้รับเสียงชื่นชมจากผู้ชมที่ชื่นชอบหนังแนวเอาตัวรอด หลายคนบอกว่ามันคือหนังฉลามที่สร้างความกดดันได้ดีที่สุดนับตั้งแต่ Jaws (1975) แม้จะมีบทสนทนาที่เรียบง่าย แต่ความระทึกและความจริงของสถานการณ์คือสิ่งที่ทำให้คนดูหายใจไม่ทั่วท้อง

หนังทำรายได้ทั่วโลกกว่า 62 ล้านดอลลาร์ จากทุนสร้างเพียง 5.5 ล้าน จนมีภาคต่อชื่อ 47 Meters Down: Uncaged (2019) ที่ขยายแนวคิดการเอาชีวิตรอดไปยังกลุ่มวัยรุ่นในถ้ำโบราณใต้น้ำ

ตัวอย่างภาพยนตร์

 

Author: jeefish

ใส่ความเห็น

อีเมลของคุณจะไม่แสดงให้คนอื่นเห็น ช่องข้อมูลจำเป็นถูกทำเครื่องหมาย *